ไทยพาณิชย์ คาด หุ้นกู้ไทยออกใหม่อีก 1 ล้านล้านบาทในปีนี้
นายศรชัย สุเนต์ตา, CFA รองผู้จัดการใหญ่ ผู้บริหารสายงาน Investment Office and Product กลุ่มธุรกิจ Wealth ธนาคารไทยพาณิชย์ เปิดเผยว่า แนวโน้มการลงทุนในตลาดตราสารหนี้ในปี 2567คาดว่าจะยังสร้างผลตอบแทนที่ดีได้อย่างต่อเนื่อง จากการที่ดอกเบี้ยอยู่ในระดับสูงสุดคำพูดจาก เว็บสล็อตเว็บตรง
50 องค์กรในฝัน ที่คนรุ่นใหม่อยากทำงานด้วยมากสุด ประจำปี 2567
"สมคิด" ชี้ เศรษฐกิจไทยอยู่ในภาวะอ่อนแอ ปมสำคัญจากปัญหาทางการเมือง
และมีแนวโน้มปรับตัวเป็นขาลงในอนาคต เป็นจังหวะที่เหมาะสมในการเข้าลงทุนในตราสารหนี้สหรัฐฯ ซึ่งตราสารหนี้ทั่วโลกส่วนใหญ่ มีอายุเฉลี่ยยาว และจ่ายดอกเบี้ยรับ (coupon) คงที่
โดยเมื่ออัตราดอกเบี้ยพันธบัตรลดลงราคาของพันธบัตรมักจะปรับตัวสูงขึ้น ส่งผลให้นักลงทุนนอกจากจะได้รับผลตอบแทนจาก Couponแล้ว ยังจะได้รับผลตอบแทนจาก capital gainเพิ่มอีกด้วย
ในปี 2567-2568 นี้ จะเริ่มมีอุปทาน High Yield ออกสู่ตลาดมากขึ้น เนื่องจากมีบริษัทจำนวนมาก ที่ต้องการออกหุ้นกู้ High Yield เพื่อนำไปชำระหนี้เดิม (rollover)แม้จะมีความท้าทายที่จะต้องออกหุ้นกู้ ด้วยต้นทุนที่สูงขึ้น ในขณะที่งบดุลของบริษัทที่ออกตราสารประเภทนี้อาจไม่ได้ดีเท่ากับช่วงก่อนหน้านี้
ทำให้มองว่า ตราสารหนี้ High Yield อาจไม่น่าสนใจลงทุน และต้องระมัดระวังความเสี่ยงจากการ rollover มากขึ้น โดยเฉพาะความเสี่ยงที่มาจากความสามารถในการชำระหนี้ กรณีที่ต้อง rollover ในช่วงที่อัตราดอกเบี้ยอยู่ในระดับสูง
แนะนำให้นักลงทุนควรมีตราสารหนี้ไว้เป็นส่วนหนึ่งในพอร์ตลงทุน
ในสัดส่วนที่เหมาะสมกับความเสี่ยงที่ยอมรับได้เพราะเป็นสินทรัพย์ที่สร้างกระแสเงินสดได้ดีกว่าในอดีตที่ผ่านมาหากนักลงทุนรับความเสี่ยงได้ในระดับค่อนข้างต่ำ ควรมีตราสารหนี้ประมาณ 70-80% ของพอร์ต ส่วนที่เหลือเป็นสินทรัพย์เสี่ยงแต่หากรับความเสี่ยงได้ค่อนข้างสูง อาจมีตราสารหนี้ 50-60% และส่วนที่เหลือเป็นสินทรัพย์เสี่ยง
หุ้นกู้ไทยออกใหม่อีก 1 ล้านล้านบาทในปีนี้
นายศรชัย กล่าวต่อไปว่า การลงทุนในหุ้นกู้เอกชนไทยโดยส่วนใหญ่จะอยู่ในระดับที่ลงทุนได้ (Investment Grade) ขณะที่ตราสารหนี้ High Yield หรือตราสารหนี้ที่ไม่ได้จัดอันดับเครดิต มีต่ำกว่า 10% ของหุ้นกู้ทั้งหมด ดังนั้นตลาดโดยรวมจึงยังไม่น่าเป็นห่วง และคาดว่าในปีนี้จะมีการออกหุ้นกู้ใหม่เพื่อทดแทนหุ้นกู้เดิมที่ครบอายุประมาณ 1 ล้านล้านบาท ใกล้เคียงกับปีที่ผ่านมา
ซึ่งกลุ่ม Investment Grade มีความต้องการซื้อเข้ามาตลอดเวลา จึงไม่มีปัญหาในการ rollover เมื่อมีการออกหุ้นกู้ใหม่ ส่วนหุ้นกู้ประเภท High Yield ออกใหม่ คาดว่าจะมีประมาณ 1.3 แสนล้านบาท มากกว่าปีที่ผ่านมา
ต้องใช้ความระมัดระวังในการลงทุนมากขึ้น ควรเน้นคัดเลือกอุตสาหกรรมที่ไม่น่ากังวล มีหนี้สินต่อทุนยังต่ำ และ แนวโน้มธุรกิจมีการเติบโตได้ดี